Stagflation คือสภาวะทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเมื่อมีลักษณะทั้งสองอย่างของภาวะเศรษฐกิจซบเซา (stagnation) และเงินเฟ้อสูง (inflation) เกิดขึ้นพร้อมกัน โดยทั่วไป สภาวะนี้จะประกอบด้วยสามองค์ประกอบหลัก ได้แก่:
- การเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำหรือไม่มีการเติบโต: เศรษฐกิจอยู่ในภาวะซบเซา การผลิตและการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง
- อัตราเงินเฟ้อสูง: ราคาสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น
- อัตราการว่างงานสูง: การจ้างงานลดลง ทำให้อัตราการว่างงานสูงขึ้น
สาเหตุของ Stagflation
Stagflation มักเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุรวมกัน ดังนี้:
- การช็อกของอุปทาน (Supply Shock): เช่น ราคาน้ำมันหรือวัตถุดิบที่สำคัญเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และผลผลิตลดลง
- นโยบายการเงินและการคลังที่ไม่เหมาะสม: การใช้นโยบายการเงินหรือการคลังที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดการเงินเฟ้อสูงขณะที่เศรษฐกิจไม่เติบโต
- การลดลงของผลิตภาพ (Productivity Decline): การลดลงของผลิตภาพทางเศรษฐกิจสามารถทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นและเศรษฐกิจชะลอตัว
ผลกระทบของ Stagflation
- ค่าครองชีพสูงขึ้น: ประชาชนต้องจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับสินค้าและบริการ แต่รายได้ไม่เพิ่มขึ้นตาม
- อัตราการว่างงานสูง: การขาดแคลนงานทำให้ประชาชนมีรายได้ลดลง และส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่
- การลดลงของกำลังซื้อ: ประชาชนมีเงินซื้อน้อยลง ทำให้การบริโภคลดลงและเศรษฐกิจซบเซายิ่งขึ้น
วิธีการแก้ไข Stagflation
การแก้ไข Stagflation เป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากต้องแก้ไขทั้งปัญหาเงินเฟ้อและเศรษฐกิจซบเซาพร้อมกัน วิธีการแก้ไขอาจรวมถึง:
- นโยบายการเงินที่เข้มงวด: เพื่อควบคุมเงินเฟ้อโดยการลดการขยายตัวของเงิน
- นโยบายการคลังที่มีประสิทธิภาพ: การลดการใช้จ่ายภาครัฐและการเพิ่มรายได้จากภาษีเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
- การปรับปรุงผลิตภาพ: การส่งเสริมการลงทุนในเทคโนโลยีและการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
- การควบคุมราคาสินค้าและบริการ: การใช้มาตรการควบคุมราคาสินค้าและบริการที่จำเป็นเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
Stagflation เป็นสภาวะที่ยากต่อการจัดการ เนื่องจากต้องใช้มาตรการทางเศรษฐกิจที่สมดุลเพื่อควบคุมเงินเฟ้อและฟื้นฟูเศรษฐกิจในเวลาเดียวกัน
Stagflation คืออะไร