Stagflation คือสภาวะทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเมื่อมีลักษณะทั้งสองอย่างของภาวะเศรษฐกิจซบเซา (stagnation) และเงินเฟ้อสูง (inflation) เกิดขึ้นพร้อมกัน โดยทั่วไป สภาวะนี้จะประกอบด้วยสามองค์ประกอบหลัก ได้แก่:

  1. การเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำหรือไม่มีการเติบโต: เศรษฐกิจอยู่ในภาวะซบเซา การผลิตและการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง
  2. อัตราเงินเฟ้อสูง: ราคาสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น
  3. อัตราการว่างงานสูง: การจ้างงานลดลง ทำให้อัตราการว่างงานสูงขึ้น

สาเหตุของ Stagflation

Stagflation มักเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุรวมกัน ดังนี้:

  1. การช็อกของอุปทาน (Supply Shock): เช่น ราคาน้ำมันหรือวัตถุดิบที่สำคัญเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และผลผลิตลดลง
  2. นโยบายการเงินและการคลังที่ไม่เหมาะสม: การใช้นโยบายการเงินหรือการคลังที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดการเงินเฟ้อสูงขณะที่เศรษฐกิจไม่เติบโต
  3. การลดลงของผลิตภาพ (Productivity Decline): การลดลงของผลิตภาพทางเศรษฐกิจสามารถทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นและเศรษฐกิจชะลอตัว

ผลกระทบของ Stagflation

  1. ค่าครองชีพสูงขึ้น: ประชาชนต้องจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับสินค้าและบริการ แต่รายได้ไม่เพิ่มขึ้นตาม
  2. อัตราการว่างงานสูง: การขาดแคลนงานทำให้ประชาชนมีรายได้ลดลง และส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่
  3. การลดลงของกำลังซื้อ: ประชาชนมีเงินซื้อน้อยลง ทำให้การบริโภคลดลงและเศรษฐกิจซบเซายิ่งขึ้น

วิธีการแก้ไข Stagflation

การแก้ไข Stagflation เป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากต้องแก้ไขทั้งปัญหาเงินเฟ้อและเศรษฐกิจซบเซาพร้อมกัน วิธีการแก้ไขอาจรวมถึง:

  1. นโยบายการเงินที่เข้มงวด: เพื่อควบคุมเงินเฟ้อโดยการลดการขยายตัวของเงิน
  2. นโยบายการคลังที่มีประสิทธิภาพ: การลดการใช้จ่ายภาครัฐและการเพิ่มรายได้จากภาษีเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
  3. การปรับปรุงผลิตภาพ: การส่งเสริมการลงทุนในเทคโนโลยีและการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
  4. การควบคุมราคาสินค้าและบริการ: การใช้มาตรการควบคุมราคาสินค้าและบริการที่จำเป็นเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

Stagflation เป็นสภาวะที่ยากต่อการจัดการ เนื่องจากต้องใช้มาตรการทางเศรษฐกิจที่สมดุลเพื่อควบคุมเงินเฟ้อและฟื้นฟูเศรษฐกิจในเวลาเดียวกัน

Stagflation คืออะไร